วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม


ประเทศเวียดนาม
(Vietnam) หรือ ชื่ออย่างเป็นทางการคือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
(Socialist Republic of Vietnam) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดนติดกับประเทศจีน ทางทิศเหนือ ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา ทางทิศตะวันตก และอ่าวตังเกี๋ย ทะเลจีนใต้ ทางทิศตะวันออกเวียดนามเป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นแนวยาว และ มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงกั้นระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ทางตอนเหนือและใต้ แต่มีภูเขาที่มีป่าหนาทึบแค่ 20% เวียดนามเป็นหนึ่งในสิบหกประเทศทั่วโลกที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงสุด โดยมีพันธุ์ไม้ 13,000 ชนิด และพันธุ์สัตว์กว่า 15,000 ชนิดลักษณะภูมิอากาศ เป็นแบบมรสุมเขตร้อน ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเปิดโล่งรับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านทะเลจีนใต้ ทำให้มีโอกาสรับลมมรสุมและพายุหมุนเขตร้อน จึงมีฝนตกชุกในฤดูหนาว สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง เป็นประเทศที่มีความชื้นประมาณ 84% ตลอดปี มีปริมาณฝนจาก 120 ถึง 300 เซนติเมตร และอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่ 5 ° ถึง 37 °เวียดนามมีชายฝั่งทะเลยาว 3,260 กิโลเมตร มีพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะ (Exclusive EconomicZone) 1 ล้านตารางกิโลเมตร และมีพื้นที่แหล่งน้ำในประเทศและเขตน่านน้ำ 226,000 ตารางกิโลเมตร มีประชากรทั้งสิ้น 87,375,000 คน มีค่า GDP รวม 251.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และ GDP ต่อประชากร คือ3,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

การประมง


แหล่งทรัพยากรการประมง
เวียดนามเป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรประมงสมบูรณ์แต่ยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องด้านประมงอย่างเต็มที่ เวียดนามมีทรัพยากรประมงที่สามารถนำมาใช้
ประโยชน์ได้ถึง 4.2 ล้านตันต่อปี โดยสามารถให้จับได้ในปริมาณ1.7 ล้านตันต่อปี แต่เรือประมงเวียดนามมีศักยภาพทำการประมงเพียง 960,000 ตัน 
และเป็นการทำ ประมงบริเวชายฝั่งสมรรถนะของกองเรือประมงเวียดนามไม่สมดุลกับปริมาณทรัพยากรประมง และเป็นกองเรือขนาดเล็กจึงไม่สามารถทำการประมงนอกชายฝั่งได้ ทำให้ทรัพยากรประมงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก เวียดนามไม่มีนโยบายให้เรือประมงต่างชาติเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำของตน จึงส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนด้านอุตสาหกรรมประมงต่อเนื่องในเวียดนามเนื่องจากความไม่เพียงพอของวัตถุดิบ แม้แต่ในปัจจุบัน โรงงานแปรรูปสัตว์น้ำของเวียดนามเองก็มีวัตถุดิบป้อนโรงงานไม่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Socialist Republic of Vietnam)Fishing boats on Cat Ba Island'sเพียงพอ ทำให้มีการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างผู้ประกอบการแปรรูป ส่งผลให้ต้นทุนในการหาวัตถุดิบมาป้อนโรงงานสูงกว่าปกติ ประกอบกับเทคโนโลยีการแปรรูปสัตว์น้ำของเวียดนามไม่ทันสมัยทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าประมงในเวียดนามต่ำกว่าประเทศอื่นๆอย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันพบว่ามีเรือประมงขนาดใหญ่จากต่างชาติเข้าไปทำประมงในน่านน้ำของเวียดนามอย่างผิดกฏหมาย โดยเรือต่างชาติที่เข้าไปนั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรือขนาดใหญ่ ไม่ต่ำกว่า25 เมตร และเครื่องยนต์มากกว่า 200 แรงม้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรืออวนลากที่อาจใช้เครื่องยนต์มากกว่า400 แรงม้า ทั้งนี้จากการรายงานของสายตรวจ พบว่าเรือต่างชาติที่เข้าไปทำประมงอย่างผิดกฎหมายนั้น มีส่วนแบ่งของผลผลิตประมงสูงถึง 1 แสนตันต่อปีทีเดียวรัฐบาลเวียดนามตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมประมง และอุตสาหกรรมต่อเนื่องด้านการประมงเพื่อเป็นฐานในการพัฒนาประมง จึงกำ หนดเป้าหมายให้การทำ การประมงนอกชายฝั่งเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมประมงของเวียดนาม โดยตั้งเป้าให้มีผลผลิตด้านการประมงประมาณ 1.7-1.8 ล้านตัน ในปี2543 และ มีรายได้จากการส่งออก 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีการจ้างงาน 4 ล้านคน โดยให้มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 400 – 450ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปีการพัฒนาการประมงนอกชายฝั่งของเวียดนามเป็นการสร้างศักยภาพการประมงของเวียดนามเอง อย่างไรก็ตามในอดีตที่ผ่านมา เรือประมงไทยเคยเข้าไปทำการประมงในเวียดนามมาแล้ว และในปัจจุบันผู้ประกอบการไทยบางรายยังคงถือสิทธิ์ในการหาเรือประมงไทยไปให้เวียดนามเช่าทดลองทำการประมงได้ด้วย
ในปี 2546 ได้มีการสำรวจจำนวนเรือประมงในเวียดนาม พบว่ามีเรือประมงทั้งสิ้น 81,000 ลำ
และมีทรัพยากรประมงทั้งสิ้นมากกว่า 6,000 ชนิด โดยมี 130 ชนิดที่เป็นปลาสัตว์เศรษฐกิจและกลุ่มสัตว์น้ำจำพวกกุ้งปู หอย และสาหร่าย เป็นต้น ชนิดสัตว์น้ำที่ถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจได้แก่ กุ้ง ทูน่า หมึกสายปลากะพง ปลาเก๋า เป็นต้น นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การใช้เครื่องมือประมงในเวียดนามนั้นก่อให้เกิดผลผลิตของปลาเป็ดในปริมาณที่ค่อนข้างสูงมาก โดยเฉพาะอวนลากซึ่งพบว่า 50-70 เปอร์เซนต์ของสัตว์น้ำที่จับได้นั้นไม่ใช่สัตว์น้ำเป้าหมาย